สอบถาม สั่งซื้อสินค้าและชำระค่าบริการ
โทร. 081-889-7474 หรือ
Email : suwanchok@hotmail.com
Line id : www.suwanchok.com
หรือ วิธีการสั่งซื้อ
1. click ที่ตะกร้าสินค้าที่ท่านต้องการ
2. click -Order now- ด้านล่าง
3. เลือก ยืนยันการสั่งซื้อ
4. กรอกรายละเอียด
ชื่อ-นามสกุล
ที่อยู่(อย่างละเอียดและถูกต้อง)
เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
รายละเอียดการชำระเงิน(จำนวนเงินโอนเงินกี่บาท เช่น 2400.40 บาท)
5. click ยืนยันการสั่งซื้อสินค้า
วิธีการสวดมนต์
การสวดมนต์เป็นนิจนี้ มุ่งให้จิตแนบสนิทติดในคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ จิตใจจะสงบเยือกเย็นเป็นบัณฑิต มีความคิดสูงทิฏฐิมานะทั้งหลายก็จะคลายหายไปได้ เราจะได้รับอานิสงส์เป็นผลของตนเองอย่างนี้จากสวดมนต์เป็นนิจ
การอธิษฐานจิตเป็นประจำนั้น มุ่งหมายเพื่อแก้กรรมของผู้มีกรรม จากการกระทำครั้งอดีตที่เรารำลึกได้ และจะแก้กรรมในปัจจุบันเพื่อสู่ อนาคต ก่อนที่จะมีเวรมีกรรม ก่อนอื่นใด เราทราบเราเข้าใจแล้ว โปรด อโหสิกรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย เราจะไม่ก่อเวรก่อกรรมก่อภัยพิบัติ ไม่มีเสนียดจัญไรติดตัวไปเรียกว่า เปล่า ปราศจากทุกข์ ถึงบรมสุข คือนิพพานได้ เราจะรู้ได้ว่ากรรมติดตามมา และเราจะแก้กรรมอย่างไร ในเมื่อกรรมตามมาทันถึงตัวเรา เราจะรู้ตัวได้อย่างไร เราจะแก้อย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องที่แล้ว ๆ มา
การอโหสิกรรม หมายความว่า เราไม่โกรธ ไม่เกลียด เรามีเวร
กรรมต่อกันก็ให้อภัยกัน อโหสิกันเสีย อย่างที่ท่านมาอโหสิกรรม ณ บัดนี้ ให้อภัยซึ่งกันและกัน พอให้อภัยได้ ท่านก็แผ่เมตตาได้ ถ้าท่านมี อารมณ์ค้างอยู่ในใจ เสียสัจจะ ผูกใจโกรธ อิจฉาริษยา อาสวะไม่สิ้น ไหนเลยล่ะท่านจะแผ่เมตตาออกได้ เราจึงไม่พ้นเวรพ้นกรรมในข้อนี้ การอโหสิกรรมไม่ใช่ทำง่าย
วิธีการสร้างบุญ
(สรุปย่อจากหนังสือของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก)
การทำบุญมี 3 วิธี คือ
(1) การให้ทาน (ให้บุญน้อยสุด)
(2)การถือศีล (ให้บุญมากกว่าทาน)
(3)การเจริญภาวนา (ให้ผลบุญมากกว่าศีล) นั่งสมาธิ
1.การให้ทานเป็นข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา ประโยชน์แก่คนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล เพียง 1 ครั้ง
2.การให้ทานเป็นโบสถ์ วิหาร ศาลา โรงเรียน โรงพยาบาล 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การให้ การสอนธรรมะเป็นทาน การแจกหนังสือธรรมะ(หรือเรียกว่า "ธรรมทาน") เพียง 1 ครั้ง
3.การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การให้ "อภัยทาน"เพียง 1 ครั้ง การให้อภัยทานเป็นบุญสูงสุดเหนือการให้ทานทั้งปวง แต่ก็ยัง ส่งผลบุญน้อยกว่าการถือศีล
4.การให้อภัยทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การถือศีล 5 เพียง 1 ครั้ง (ศีล 5 = ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มเหล้า)
5.การถือศีล 5 = 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การนั่งสมาธิภาวนา แม้เพียงไก่กระพือปีก 1 ครั้ง หรือช้างกระดิกหู 1 ครั้ง (บางคนทั้งชีวิตไม่เคยมีโอกาสได้นั่งสมาธิเลย)
***แต่เกิดมาในชีวิตต้องทำให้ครบทั้ง 3 อย่าง คือ ทาน-ศีล-ภาวนา
๑ เพราะถ้าเราได้แต่นั่งภาวนา เพื่อให้ได้บุญสูงสุด แต่ไม่ยอมให้ทาน = เกิดไปชาติหน้า เราจะเกิดเป็นคนมีปัญญา แต่ยากจนเพราะไม่เคยให้ทาน
๑ ถ้าเราได้แต่ให้ทาน แต่ไม่ถือศีลและไม่เจริญสมาธิภาวนา = เกิดไปชาติหน้า เราจะเป็นคนรวยที่ไร้ปัญญา ในไม่ช้าทรัพย์สินก็หมไป
การทำบุญกับผู้มีศีลบริสุทธิ์ เช่น พระมหากษัตริย์ พระอรหันต์ บิดา มารดา หรือบุคคลที่มีศีลมาก จะให้อนิสงฆ์มากกว่าการทำบุญกับผู้มีศีลน้อย
พ่อ แม่ เปรียบเหมือนพระอรหันต์ เด็กที่ทำบุญ และกตัญญูต่อพ่อแม่ จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คิดเงินก็เงินไหลนอง คิดทองก็ทองไหลมา
(สรุปย่อมาจากหนังสือกฎแห่งกรรมหลายๆ เล่ม)
ชีวิตนี้น้อยนัก
* คนเราที่เกิดมาเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แม้แต่เราเดินชนกับคนหน้าปากซอยก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างเกิดจากบุญกรรมที่เราเคยทำกับคนผู้นั้นหลายภพชาติ ทุกคนมีกรรมเก่าเป็นที่มา ทำไมบางคนเกิดมาจากกองขยะน้ำเน่า หรือไร้ที่อยู่อาศัย แต่บางคนอยู่บ้านใหญ่โต มีครอบครัวพร้อมหน้า ทุกอย่างเกิดจากกรรมเก่า
* ดังนั้น เราต้องตั้งมั่นมุ่งหน้าสร้าง "บุญบารมี" ก่อนชีวิตของเราที่เหลือเพียงน้อยนิดจะดับไป เพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้เราจะได้ตื่นขึ้นมาสร้างบุญบารมีหรือไม่ "อย่าประมาทความตาย"
* คนเราต้องหมั่นเร่งสร้างความดี คนยิ่งทำบุญมากขึ้น จะสังเกตเห็นว่ากรรมเก่าที่เราเคยทำไว้ในชาติก่อนจะมาตัดรอนผลบุญนั้น แต่ก็ยังดีกว่าคนที่ชาตินี้ไม่เคยทำบุญเลย เพราะกรรมเก่าจะมาปรากฎให้เห็นเป็นนิมิตรตอนก่อนตาย และกรรมนั้นจะตามต่อในชาติหน้า
* เราต้องเร่งสร้างความดีเพื่อหนีกรรมเก่าที่ไล่หลังเรามาติดๆ กรรมเก่าที่ตามเรามาทันในชาตินี้อาจจะตามเราต่อไปอีกหลายภพชาติ ดังนั้นจงอย่าประมาท ทำชาตินี้ให้ดีที่สุด
* เราต้อง "เตรียมตัวก่อนตาย" ทุก ๆ นาทีที่มีลมหายใจอยู่ นั่นคือ เราจะต้อง (1) ละโลภ (2) ละโกรธ (3) ละหลง (หรือห่วง) ให้ได้วันนี้ นาทีนี้ก่อนตาย
* ในพระไตรปิฏก กล่าวไว้ว่า แม้พระสงฆ์ที่มีศีลบริสุทธิ์ แต่ขณะตายไม่ได้ละ โลภ โกรธ หลง(หรือห่วง) ก็เกิดไปเป็นตัวเล็นเฝ้าจีวรที่ตนห่วง หรือเป็นสุนัขเฝ้าสมบัติ หรือบางคนอาจเกิดไปเป็นเปรต ถ้าดวงจิตยังเผาไหม้อยู่ในกองทุกข์ (เช่น โลภ โกรธ หลง ห่วง) ดวงจิตเป็นอย่างไรขณะดับ เราก็จะเกิดไปเป็นเช่นนั้น
*ดังนั้น บุคคลที่เฝ้าไข้คนป่วยที่ใกล้ตายจะมีหน้าที่สำคัญ ที่ต้องคอยเตือนสติผู้ป่วยว่า ต้อง ทำใจให้บริสุทธิ์ก่อนตาย ให้ละโลภ โกรธ หลง หรือห่วงให้ได้ และให้นึกถึงพุทโธ หรือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และให้สร้างวิมานประทับลงไว้ในดวงจิต ว่าชาตินี้เราได้เคยสร้างคุณความดีอะไรไว้ เช่น สร้างถนนหนทาง โบสถ์ วิหาร เมรุ ช่อฟ้า ถวายเก้าอี้วัด ปลูกต้นไม้เพื่อสาธารณประโยชน์ สร้างหนังสือธรรมะเป็นทาน จิตจะได้มีปิติขณะดับ ดวงจิตขณะดับเป็นอย่างไร เราก็จะเกิดไปเป็นเช่นนั้น
จากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ฉบับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
1. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก
2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
3. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษฯ
4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ
5. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ
ท่านยกตัวอย่าง (เรื่องจริงนะ)
ตัวอย่างที่ 1 บ้านหนึ่งพ่อมีเมีย ๔ คน เมียหลวงบอกลูกว่าพ่อเจ้าไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อว่าพ่อ แล้วมาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาท นี่แหละบวชก็ไม่ได้ผล หลวงพ่อก็ให้ไปถอนคำพูด และขอสมาลาโทษกับพ่อเขาก่อน แล้วกลับมานั่งกรรมฐานจึงได้ผล (กรณีนี้ หลวงพ่อจะเตือนผู้เป็นลูกบ่อยๆไม่ให้ว่าพ่อ) แต่ให้เป็นเรื่องของแม่ที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งหลวงพ่อสอนไว้แล้ว
ตัวอย่างที่ 2 เมื่อเร็วๆนี้ลูกฆ่าพ่อตาย แม่สงสารพามาเจริญกรรมฐานพอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ปวดหัวเข้าไม่ได้นี่เวรกรรมตามสนอง ปิตุฆาต มาตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ทำกรรมฐานไม่ได้แน่นอน ต้องหันรถกลับ นี่เรื่องจริงในวัดนี้ ฯ
6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้
.. คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆน้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้
ให้
ให้
.ฯลฯ ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ
นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดา มารดา
ตัวอย่างที่ 3 "หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง" เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง... พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด
7. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล
8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี
9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา......... พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้างฯ
10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว